วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2559

แพะตัวใหม่

สิ่งที่สามารถกัดกร่อน
"อารมณ์"
ของคนเล่นไม้ได้มากที่สุด
คงอยู่ที่การได้เห็นไม้ที่เรารักเกิดความผิดปกติ
ซึ่งถ้าพอหาสาเหตุและแก้ไขได้ทันก็ยังจัดว่าเป็น
เรื่องปกติของโรคภัยไข้เจ็บ หรือภัยธรรมชาติที่เป็นสิ่ง
ที่ต้องเกิดกับสิ่งมีชีวิตทุกชนิดซึ่งควบคุม
และหลีกเลี่ยงได้ยาก
แต่ก็ยังมีวิธีป้องกันและแก้ไขกันได้ 
หากรู้ได้ทันท่วงที
คนเล่นหนามอย่างผมก็เช่นกัน
ช่วงนี้ Dyckia ของผมเกิดอาการผิดปกติขึ้น
ลักษณะผิดปกติที่เกิดขึ้นคือส่วนยอดเสียมีอาการไหม้ซึ่ง
มีลักษณะเหมือนถูกอะไรร้อนๆ นาบ พูดไปแล้วก็ชวนนึกถึง
หนังจีนที่เอาเหล็กร้อนๆ มานาบหลังนักโทษให้สารภาพผิด

เห็นแล้วก็ทำผมงงๆเลยนะ
ถ้ามันไม่ชวนให้เน่าเข้าแกนของต้น
จนชวนให้มันตายก็ถือว่าโชคดีไป
แต่ก็จัดว่าอยู่ในความเสียดาย
แทนที่จะได้เอาไว้ดูสวยๆ
"คิดบวกเสียว่าได้ฝึกการกู้ชีพ"
!!!!
เนื่องจากไม่ได้เรียนมาทางเกษตรโดยตรง
และก็ไม่ได้สนใจขวันขวายหาสาเหตุจนมากมาย
เพราะเกิดขึ้นกับ Dyckia ไม่กี่ต้น
อย่างผมก็ใช้วิธีเดาเอาแหละครับ
ว่าม้นน่าจะมีสาเหตุมาจาก

1. ความร้อนแรงของแสงแดด ซึ่งช่วงที่แดดจัดๆ 
อาจจะเผาส่วนของยอดอ่อนรุ่นน้องๆ ซึ่งใบเพิ่งโผล่ลืมตามาดูโลก
เลยยังไม่สามารถทนความร้อนได้ดีเท่าใบรุ่นพี่รอบนอก

2. มันต้องเป็นโรคอะไรซักอย่างแน่ๆ ที่ผมไม่รู้จัก 
สักวันคงไปเจอใน google เข้าเป็นแน่

3. ไม้มันต้องขาดน้ำเป็นแน่ 
เพราะพวกหนามบางทีถูกปล่อยให้ขาดน้ำ
ติดๆ กันหลายวัน 
(พยายามพูดให้ดูดี บางทีเป็นเดือนๆ 555++)

มันน่าสงสัยจริงๆ อะไรกันแน่คือสาเหตุุ ?

นี่คือ
"แพะ"
3 ตัว ที่เป็นจำเลยของผมที่ผมโทษกันไป
ในข้อหาที่มาทำให้ไม้แสนรักผมต้องมีมลทิน

แ ต่ ! ! !
เมื่อคืนผมเพิ่งไปเจอแพะตัวใหม่มา
ไม่รู้ว่ามันบังเอิญหรือจงใจอะไร
ลองดูครับ
"หอยทาก"
เจ้านี่มันดันมาอยู่ในตำแหน่งพอดีเปะ
เราโดนหนามตำมือแค่นิดเดียวก็เจ็บละ
แล้วนี่มันเล่นไปทั้งตัวมันไม่เจ็บรึไร
แน่ะ! ยังมาแสยะยิ้มให้อีก หนอยๆๆ
รึจะเป็นเพราะยอด Dyckia
ต้องปวดแสบปวดร้อนเพราะเมือกของหอยทาก
ไหนเห็นมีการเอาไปสกัดให้หน้าตึงได้ไง
รึเป็นหอยคนละชนิดกัน
บอกตรงๆ เห็นแล้วของขึ้นเลยครับ
และที่บ้านจะป้องกันพวกนี้คิดไม่ออกจริงๆ ว่าต้องทำไง?
เพราะมีเยอะมากกกกกกกกก
ส่วนใหญ่พวกมันจะออกมาหากินกันตอนกลางคืนครับ
มีอยู่แทบทุกซอกทุกมุมแม้แต่ในสนามหญ้า
เยอะขนาดที่ว่าผมสามารถไปหาถ่ายรูปมันมาได้ครบทุกตัว
ดังใจนึก เดี๋ยวลองมาดูกัน
โดยเฉพาะฤดูฝนนี่แหละดูจะเยอะสุด
เจ้าหอยทากนี่ที่บ้านของผมมันมีอยู่ 3 ชนิดคร้บ
ผมจะเรียงลำดับ
ตามความเกลียดให้ดูครับ

ชนิดที่เกลียดระดับ 1 
คือเจ้าตัวที่มีกระดองกลมๆนี่ครับ
ดูจะเป็นตัวที่มีมากที่สุดในบ้าน

เกลียดระดับ 2 
ก็เจ้านี่เลยกระดองทรงเจดีย์มีตั้งแต่ตัวเล็ก
ถึงใหญ่มาก ตัวใหญ่ๆ นี่เรียกว่าน่าขยะแขวงปนน่ากลัวด้วย
แต่พวกนี่ีมีไม่ค่อยเยอะแบบพวกแรก

จริงๆ เจ้า 2 พวกแรกนี่แค่ใช้เกลือโรยช่วงที่มันหุบตัวไปในกระดองนี่ก็ม่องเลยนะ
แต่โดยปกติไม่ได้พกเกลือตลอดเวลา ใช้วิธีจับกระดอง
แล้วมันจะตกใจยุบลงไปในกระดองเราก็เอามาเหยียบ
จริงๆ ผมก็โรยพวก Stargle G ลงกันพวกเพลี้ยงและตั๊กแตนไปบ้าง
ไม่รู้จะทำให้หอยพวกนี้ตายด้วยไหม เวลามันกินไม้ผมไป
แต่หลังๆ นี่ซิไม่ค่อยได้ใส่เลย

และสุดท้ายที่ผมโคตรเกลียดมันมากที่สุด 
++คือเจ้านี่เลย++
เจ้าพวกที่ไม่มีกระดองหุ้มเลย
เห็นทีไรเป็นแขยงทุกที ผมไม่กล้าจับหรอกครับ
เหอๆๆๆๆ
ถ้าอยากเจอเจ้าพวกเกลียดมากนี่
ลองไปหาแถวๆ ช่อดอกครับ
ผมสังเกตดูเหมือนมันจะชอบของหวานๆ แบบน้ำหวานจากเกสรดอกนะ
มีช่อดอกที่ไหนก็จะมีเจ้าพวกนี้มาเลียๆ น้ำหวานอยู่
แต่ผมว่ามันไม่ได้กินน้ำหวานอย่างเดียวนะ
บางทีเห็นเมล็ดที่ติดฝักก็โดนแทะไปด้วย
และบางทีมันชอบมากินช่ออ่อนของ Dyckia
ที่กำลังงอก
ช่อดอกอ่อนๆ ของ Dyckia มันคงจะเป็นอะไรที่
หวานและกรุปกรอบมากสำหรับหอยทากพวกนี้
ซึ่งบางทีเราตั้งใจว่าจะเอามาผสม
กับก็ต้องมาอารมณ์เสียทุกที ต้นไหนมีช่อดอก

เลยต้องยกขึ้นบ้านกันเลย
รึเจ้านี่มันจะแค่
มาเล็มกินซากของยอด Dyckia
ที่มันก็ลังจะเน่าเปื่อยไป
เพราะแพะตัวใดตัวนึงใน 3 ตัว
ที่ผมเดาไว้ก่อนหน้านี้
ไม่ได้โลกสวยนะครับ
แต่
เห็นแล้วต้องมีการตัดไฟแต่ต้นล้ม
เพื่อป้องกันการขยายเผ่าพันธุ์
และรุกรานไม้แสนรักของเรา

แต่ว่าก็ว่านะกำจัดไปได้ก็ไม่รู้สึกว่ามันลดน้อยลงเลย
อ่ะไม่เป็นไรธรรมชาติคงสร้างมาไว้คู่กัน
มีตัวสร้างแล้วคงต้องมีตัวทำลายล้าง
เพื่อรักษาไว้ซึ่งสมดุลทางธรรมชาติ

แต่ก็คงไม่มีตัวทำลายล้างใด
ที่จะทรงพลานุภาพได้เท่ากับ
"มนุษย์"
ที่สักวันคงใช้และเผาพลาญธรรมชาติ
จนหมดสิ้น


สวัสดีครับ







วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2559

จากจตุจักรสู่บ้านนา

ได้ไปตลาดนัดจตุจักรวันพุธ
ด้วยแหละ
แต่ไม่ได้ถ่ายอะไรมาเล่าเรื่อง
อืม! 
จริงๆก็น่าเสียดายเหมือนกันนะ อีกเมื่อไหร่จะได้มาพานพบกันอีก
ในวันนี้มีแต่ต้นไม้มาขายจริงๆ ครับ
มีกระถางในแบบที่ถูกใจด้วย
และได้ตัวที่มองๆ หา
ติดมือมาด้วย
ด้วยความที่ต้องขึ้นเครื่องกลับ
กลัวเค้าไม่ให้หิ้วผ่านประตู
จะยัดใส่กระเป๋า
ก็หามีที่ว่างไม่
ถ้าขึ้นรถทัวร์กลับนี่ก็จะยอม
หิ้วไปหิ้วมานะครับ

เลยขอให้เจ้าของร้านถอดกระถางให้เลย
ทั้งๆที่จริงๆไม่อยากสักเท่าไหร่
กะจะเอามาให้เลี้ยง
ต่อได้เลย

เท่าที่คิดได้ตอนนี้
คงต้อง
ส่งผ่านระบบไปรษณีย์
ที่ให้บริการอยู่ในห้างของเมืองกรุง
ไม้เพิ่งตามหลังผมมา
หลังจากผมกลับมาได้ 3 วัน
จริงๆน่าจะถึงตั้งแต่เมื่อวานละเช็คตามหมายเลขส่งของจากเว็บ
http://track.thailandpost.co.th/
ปรากฏว่า

"บ้านปิด"

เสียความตั้งใจผมเลยนะจริงๆ ตั้งใจจะได้เจอหน้า
และปลูกตั้งแต่เมื่อวาน
แต่ต้องเลื่อนมาอีก 1 วัน
วันนี้เลยรีบตื่นแต่เช้า
ไปตามหากันถึงไปรษณีย์เลยทีเดียว
ถ้าทิ้งไว้อีกวันนี้ก็วันจันทร์โน่นกว่าจะได้
วันเสาร์ไปรษณีย์เขาเปิดบริการครึ่งวันนะครับ
เข้าถึงเที่ยง 
รู้ยัง
ทางผ่านแวะซื้อกระถางดินมาซะหน่อย
อย่างเราใช้มอเตอร์ไซด์จะสามารถบรรทุกมาได้แค่นี้แหละครับ
จริงๆอยากได้เยอะกว่านี้นะ 
แต่ก็ดีประหยัดตังค์
อยากเห็นไม๊ว่าในนี้มีอะไรบ้าง
ก็กะจะเอามาอวดอยู่แล้วครับ
ได้มาไม่เยอะ 5 ตัวเองครับ
มีอะไรบ้างมาดูกัน
นี่เป็นตัวแรกที่จัดว่า
สะดุดตาผมมากที่สุด
ดูจากยอดมันเอาเถอะครับ
เหมือนกะจะกระโดดมาตะครุบหัวใจผม
ประหนึ่งจะรู้ล่วงหน้าถึงการมาของผม
เลยตั้งท่าเตรียมตะปบเต็มรัก
ก็จัดว่ามัน
ทำได้สำเร็จนะ
สีม่วงเงิน เขี้ยวยาวสวย
หลังๆ ผมติดจะใช้คำว่า "เขี้ยว" แทนคำว่า "หนาม" นะครับ
ถ้าทำให้สับสนก็ต้องขออภัยมาด้วย
ตัวที่สองนี่ชอบที่โครงสร้างครับ
ออกไปทาง goehringii แต่ใบสั้นกระชับกว่า
ไม่รู้ว่าถ้าโตจะยังคงรักษารูปทรงแบบนี้ไว้ได้หรือเปล่า
ถ้าได้นี่
เจ๋ง
ก็เรียกว่าได้ตามความตั้งใจเลย
ตัวที่ 3 นี่เกิดเจอพิษจากการขนส่งนิดหน่อยถ้า
เป็นเมื่อก่อนนี่เรียกว่าต้องมีดราม่า 
โอดครวญให้เห็น
+ + 555 + +
แต่เดี๋ยวนี้นี่สบาย
Am Strong
รอผลัดใบใหม่ก็สวยละ
ดูรวมๆ ตัวนี้มันงามทั้งโครงสร้าง ทั้งหนาม
ให้ถึงความรู้สึกคุ้นเคยและคุ้นตา เหมือนผมจะมี
แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก
เอาไว้ก่อนละกันจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียดายทีหลัง
ยิ่งไกลๆ อยู่ด้วย
ช่วงนี้ผมก็เอาพวก ml มาบำรุงบำเรอใหม่นะ
เห็นเจ้านี่ดูน่าจะมีเลือด ml อยู่ด้วย และที่ชอบคือใบมันออกแนว
"กว้าง"
อ้วนตุ๊ต๊ะอีกต่างหาก
เลยขอจัดอีกตัวนึง
จริงๆ เห็นตัวนี้แล้วมันทำให้ผมนึกถึงเจ้า Dyc. Silver Sheen ด้วยนะ
ช่วงนี้จับมาปัดฝุ่นใหม่นิ้งไปเลย ไว้มีโอกาสจะเอามาพรีวิว
ให้ได้ชมกันครับ
ว่าแต่เจ้าตัวนี่ผมเอาไว้ลุ้น
ตอนมันมหึมาอีกที
เอ! เพิ่งมาสังเกตตอนนี้ว่าที่ผมจัดมานี่เป็นพวก dyckia สีโทนเดียวกันหมด
ทั้งสีของหนามและสีของใบ
ปกติจะชอบพวกสี 2 โทนประมาณว่าใบสีนึงหนามขาว
มาถึงตัวสุดท้าย
เรียกว่า Master Piece ละกัน
จริงๆ ตัวนี้เรียกว่าตัวบังเอิญ
ไม่ได้ตั้งใจเลย !!!! 
ตัวนี้ผมจัดให้เป็น
"ไม้ปราบผม"
ผมยังไม่ค่อยสนิทกับมันมากเท่าไหร่ครับ
เรียกว่าเป็นสับปะรดกอจิ๋ว
ที่เรียกกันว่า
Deuterocohnia
แต่ไม่รู้ var อะไร
ตัวที่ผมมีอยู่จะเป็นต้นเล็กกว่านี้
อันนี้เห็นกอใหญ่ต้นใหญ่
เห็นแล้วกระตุ้นความอยากได้ดีมาก
เลยต้องจัด
จริงๆ ตัวนี้ผมอยากบอกเลยว่าไม่อยากถอดกระถางมันเลย
แต่จำเป็นจริงๆ เพราะจัดเป็นไม้เลี้ยงยากของผมครับ
เอาใจยากด้วย น่าจะเป็นด้วยความยากนี่หรือเปล่า
เลยทำให้เกิดความท้าทาย
ว่าอยากให้เอาอยู่
และอีกอย่าง
พอมันรวมกันอยู่เป็นกอแล้ว  ขอบอกเลยว่าเวลามาเพ่งดูมัน
มันช่างให้ความรู้สึกที่สุดยอดมาก
แต่เท่าที่ได้ถอดกระถางดูรากดูจะฟูและเดินดีมาก 
ส่วนประกอบวัสดุปลูกที่เห็นในกระถาง
ประกอบไปด้วยทรายเป็นหลัก
รึมันจะเป็นเพราะเคล็ดลับนี้
ถึงจะเอาอยู่
จัดลงปลูกกับกระถางดินที่ขนาดพอดีกับกอมันเลย
ไว้ค่อยขยายขนาดกระถางตามทีหลัง
ช่วงปลูกนี่เราก็จะมีความสุขและภูมิใจ
กับการได้มันมาด้วยนะ
สำหรับคนเล่นไม้ก็น่าจะอารมณ์เดียวกัน
นี่ไงครับลองเทียบกับเจ้าตัวเล็กที่ผมมี
ดูขนาดมันต่างกันมาก
คิดว่าน่าจะเป็นคนละแบบกัน
ซูมให้ดูเจ้าตัวเล็กหน่อย
นี่แหละครับที่ว่าไม้ฆ่าผม ตอนมาใหม่ๆ นี่สวยมาก
เขียวสดเป็นกอน่ารัก เดี๋ยวนี่หงอยลงไปเรื่อยๆ โดยชั้นใบรอบนอกทยอยแห้ง
ตามกันไปเรื่อยๆ แต่ก็ยังมีส่วนเขียวของยอดในที่ยังพอให้ผมยังมีความหวัง
ที่จะหาวิธียื้อชีวิตมันได้ต่อไปจนกว่าจะแห้งไปทั้งกออย่างไม่ลดละ
จริงๆ ก่อนหน้านี่ก็มีอีกกอนึง แต่ม่องไปละ
จริงๆตัวนี้ก็พยายามทั้งไว้ในร่ม และออกแดด ทั้งลองกับถาดรองน้ำ
ตอนนี้กำลังคิดจะลองเปลี่ยนไปใช้กระถางเล็ก
พอดีกับขนาดของกอดูอีกรอบ

ไม่รู้จะพอช่วยได้ไหม?

ก็ยังไม่รู้จักเข็ดหลาบ
เลยต้องจัดเจ้ากอใหญ่มาอีกกอ
ผมต้องเข้าใจมันได้สักวันสิน่า

ก็คิดเสียว่า

"ถ้าเลี้ยงแล้วรอดก็คงเอาใจใครได้เก่ง
แบบที่เลี้ยงและเข้าใจกับไม้พวกนี้ได้"


ปลูกเกือบเสร็จ "ฝน" ก็เริ่มเทกระน่ำลงมาละ

ขอลากันตรงนี้เลยแล้วกัน

สวัสดีครับ


วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2559

Memory on August 2016

วันนี้ได้ลัดฟ้ามากรุงเทพฯ
เลยถือโอกาสใช้วันเดินทาง 1 วัน
กับการเดินทางมาถึงปลายทาง
ด้วยเที่ยวบินอันแสนเช้า
ที่มีอยู่ด้วยการเดินทางไปตลาดนัดจตุจักรในวันอาทิตย์ช่วงบ่ายๆ
ด้วยความอยากรู้ว่าจะมีอะไรในวันนี้
ที่ตลาดนัดจตุจักร
พักอยู่แถวสุขุมวิท เลยได้ลองอาศัยการเดินทางอันรวดเร็ว
ผ่านการขนส่งของรถไฟฟ้า BTS ในขาไป
เรียกว่าเหินฟ้าไปด้วยความเร็วกันเลย
แค่แป๊บๆ เอง
ขาจะไปนี่มันต้องแลกเหรียญเพื่อนำไปซื้อการ์ด
ตามระยะทางของสถานนีที่จะเราจะลง
จากเครื่องหยอดเหรียญอัตโนมัติ
จริงๆ ก็ไม่ค่อยชินการการเดินทางแบบนี้สักเท่าไหร่ 
เพราะแถวบ้านนอกไม่ค่อยมีหรอกครับแบบนี้
+ + +
การ์ดใบนี้สำคัญ จะเป็นใบเบิกทางผ่านประตูเพื่อไปขึ้นรถไฟฟ้า 
ถ้าผมมาเองนี้ต้องงงเป็นไก่ตาแตกไปสักพักนึง
กับกระบวนการที่จะให้ได้มาซึ่งบัตรขึ้น BTS
ในขณะที่มีผู้คนขวักไขว่ล้นหลาม
เสียเหลือเกิน
ดีนะ!
มีน้องสาวใจดีสองคนนำ
ไอ้เราก็สบายล่ะครับไม่ต้องคิดมากตามน้องเค้าไป
ตามล่าโปเกม่อนกันไป 
มันเป็น trend ใหม่ของช่วงนี้ เลยต้องขอลองกันหน่อย
แค่หอมปากหอมคอครับ
เดี๋ยวจะคุยกับเค้าไม่รู้เรื่อง
อีกสักพักคงสร่างสากันไปเหมือนหลายๆ เกมส์ที่เคยเล่นกัน
เร็วประดุจความคิด
แป๊บๆ ก็ถึง จริงๆก็ไม่ได้เร็วขนาดนั้น
แต่ก็ยังจัดว่าเร็วกว่าการมาด้วย Taxi หรือรถเมล์ล่ะ
ผู้คนก็จัดว่าขวักไหว่ ค่อนข้างไปทางเยอะ
ประกอบกับแสงแดดอันร้อนแรง ไปถึงกันนี่ก็น่าจะประมาณเกือบบ่าย 2 โมง
สิ่งนึงที่ผมสอดส่ายสายตามองหาก็คือ
มันมีไม้มะ
คำตอบของการมาจตุจักร
วันอาทิตย์
ของผมก็คือ
"มี"
แต่ไม่เยอะ
ส่วนใหญ่จะออกไปทางพวกไม้หนามกับ Tilllandsia
หาได้เจอพวก Dyckia ไม่
ทำเอาคนเล่นหนามอย่างผมผิดหวังไปเล็กน้อยถึงปานกลางเลยนะ
แต่ก็พอๆรู้มาบ้างว่าเค้าขายไม้กันวันพุธกับพฤหัส
ไ่ม่รู้จะจริงเปล่า ไอ้เราก็นานปีจะได้มีโอกาสมา






ร้านละเล็กร้านละน้อย ก็พอมีไม้ให้ผมได้ชื่นใจไปได้บ้าง



กับไม้หนามพวกนี้ก็พอมีบ้าง
แต่ผมนี่ไม่ถนัดเลย
ตัวนี้เห็นแล้วก็ชอบนะ ใหญ่ด้วย แต่ไม่ได้ถามราคาไว้
ยังนึกไม่ออกว่าถ้าซื้อจะหอบหิ้วมาได้ยังไง
กระบองเพชรหัวโตๆ นี่จริงๆ ก็จัดว่าชอบนะครับ
แต่ด้วยความที่เห็นหนามน่ากลัวเกิน
นึกถึงสภาพไม่ออกเลยว่าเกิดลูกที่บ้านมาหกคะมำใส่
จะเป็นยังไงเลยไม่กล้าหามาเลี้ยงไว้
จริงๆ
เคยมีประสบการณ์กับตัวเองเลยล่ะครับ
โดนหนามกระบองเพชรพวกที่เป็นขนละเอียด
ตำมือเจ็บทรมานไปนานเลยกว่าจะเอาหนามออกครบทุกเส้น
น้องสาวที่มาด้วยมีถาม
เจ้าพวกโตๆนี่เค้าเลี้ยงนานมะ ถามใครไม่ถามมาถามคนไม่เคยเลี้ยง
555
ตอบไปซิครับ 5-10 ปี
ร้านไม้พวกนี้ไม่ได้อยู่ติดๆ กันนะครับ จะเจอร้านแทรกอยู่เป็นช่วงๆ
ส่วนใหญ่จะเป็นพวกเสื้อผ้าและร้านกิ๊ปชอบต่างๆ
เป็นส่วนมาก
โ่ต๊ะนี้ผมสนใจเจ้าพวกหัวใหญ่ที่ตั้งอยู่นี่
มันใหญ่มาก
จริงๆ ก็จะหามาเก็บหลายทีละ แต่ก็ยังไม่จัดว่าอยากได้ถึงที่สุด
xero ช่อสวยๆ กำลังออกดอก


มีดินสูตรผสมขายด้วย
นึกว่าเป็นดินปลูก Dyckia ส่วนใหญ่ผมผสมปลูกเองครับ
ประหยัดตังค์ดีเพราะต้องใช้เยอะด้วย

มาเจอร้านขายกระถางแบบนี้เข้า
เพิ่งเคยได้มาเห็นของจริงวันนี้
อยากรู้ราคามานานละ
ราคาเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน 2-3 ร้อยบาท
จัดว่าแพงเอาเรื่อง
แต่ก็ดูดีมีเหน่ห์เก๋ไก๋ดี  สำหรับใช้ปลูกไม้ราคานี่ก็ไม่แพงนะ
เพราะไม้บางตัวราคาแพงกว่ากระถางนี่หลายเท่า
แต่ผมยังนึกไม่ออกว่าถ้าผมเลือกมาปลูกกับ 
Dyckia ตัวไหนถึงจะเหมาะกับกระถางแบบนี้
ดังนั้นพักไว้ก่อน ใช้พวกกระถางพลาสติก
กับกระถางดินต่อไป 
555
ดูเค้าเอามาปลูกกับพวกไม้ดัดมันก็สวยใช้ได้
ส่งให้ไม้ดูมีเสนห์ขึ้นอีกเยอะเลย

ต้นนี้รูปทรงสวยมาก 
อยากได้
อย่างกระถางใบนี้พอมาปลูกรวมกับต้นนี้
เก๋ขึ้นเลย


กระถางเล็กอีกแบบก็มี

วัสดุปลูกที่ขายควบคู่ไปกับกระถางพวกนี้
มีให้เลือกอยู่หลายแบบ
ผ่านร้านขายเครื่องหนังสะดุดตากับเครื่องรางกระตุ้นยอดขายของร้าน
ร้านขายหนังสือมือสอง
ซึ่งปัจจุบันผมห่างหายกับการอ่านหนังสือแบบเล่มมา
ค่อนข้างนานมาก ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้ก็คงจะแวะละ


น้องๆนักเรียน
มาร้องเพลงหมู่หาค่าอาหารกลางวัน
แน่ะ! 
น้องผมใจดีร่่วมสมทบทุนด้วย
ชาวต่างชาติก็ค่อนข้างเยอะครับ
ลูกชิ้นปลาใหญ่มาก แต่ก็ไม่ได้ซื้อชิม
เพราะต้องเร่งเดินหลบแดดอยู่อันร้อนแรงอยู่ตลอดเวลา
ถ้าไม่มีอะไรที่สนใจดูจริงๆ
ก็จะเลี่ยงโดย
การเดินเร็วๆรัวๆ
ร้านนี่น่าสนใจครับ
อยากได้กรงเล็กๆ 
ไปห้อยประดับไว้แถวในโรงเรือน

บางร้านเห็นมีห้ามถ่ายรูปด้วยนะ
พอดีน้องผมเค้าเตือนมา คงกลัวมีคนเอาไปก๊อป
เห็นโมบายอันนี้แล้ว ชวนให้นึกถึงหนังเรื่อง
Dream Catcher
เลยต้องขอจับดูหน่อย
น่าลิ้มลอง แต่ก็ได้แต่ดู
ถึงจะเป็นของปลอมแต่ก็สีสรรสวยสดสะดุดตา
ตลอดทางผมเปิด GPS ดูเป็นระยะเลยนะ
น้องมันยังแซวเลยว่าแค่นี้ก็ต้องเปิด
เรื่องของเรื่อง
คือ
2 สาวเค้าให้ผมนำไง
บอกว่าพี่อยากดูอะไรก็ตามสบาย
น่ารักอ่ะ!! เข้าทางเลย
ไอ้ผมก็ไม่ได้มานานละไม่อยากหลุดทุกเส้นทาง
แต่พอจำๆ เค้าลางได้ว่าสามารถเดินวนเป็นวงรอบกลับมาได้
แค่รอบเดียวก็เหนื่อยเพลียกันเต็มที 
กลับครับ
ขามาเรามาด้วยความเร็วลัดเลาะมาบนรางเสาปูน
ขากลับ
ขอลองดำดินกลับดูครับ!
ถึงจะไม่ใช่ขอมแต่อยู่เมืองกรุงเราทำได้

ค่าโดนสารรถไฟใต้ดิน
ดูจะถูกกว่ารถไฟฟ้า
ขากลับแลกเหรียญเพื่อซื้อเหรียญพลาสติก
เพื่อผ่าน Gate ไปขึ้นรถไฟใต้ดิน
จัดว่าเป็นความต่าง
ของรถบนฟ้ากับรถใต้ดิน
กับบรรยากาศในรถผ่านอุโมงค์มืดๆ
แทนการแล่นผ่านตึกรามบ้านช่องอันสว่างจ้าของ BTS
ก่อนกลับระหว่างรอรถพี่เมื่อยมากขาแทบหลุด
ขอใช้ความแก่เป็นข้ออ้างเสียสละตัวเอง
นั่งเก้าอี้ว่างที่มีเพียงที่เดียว
ปิดกระทู้วันนี้ขอยก Credit ให้กับน้องสาวที่น่ารัก
ทั้ง 2 คนที่สละเวลาไปผจญภัยด้วยกัน
กับเรื่องเล็กๆ บางเรื่องก็ควรแก่
การถูกบันทึกไว้
ให้จดจำ

Memory on August 22nd 2016

สวัสดีครับ