วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2559

Memory on August 2016

วันนี้ได้ลัดฟ้ามากรุงเทพฯ
เลยถือโอกาสใช้วันเดินทาง 1 วัน
กับการเดินทางมาถึงปลายทาง
ด้วยเที่ยวบินอันแสนเช้า
ที่มีอยู่ด้วยการเดินทางไปตลาดนัดจตุจักรในวันอาทิตย์ช่วงบ่ายๆ
ด้วยความอยากรู้ว่าจะมีอะไรในวันนี้
ที่ตลาดนัดจตุจักร
พักอยู่แถวสุขุมวิท เลยได้ลองอาศัยการเดินทางอันรวดเร็ว
ผ่านการขนส่งของรถไฟฟ้า BTS ในขาไป
เรียกว่าเหินฟ้าไปด้วยความเร็วกันเลย
แค่แป๊บๆ เอง
ขาจะไปนี่มันต้องแลกเหรียญเพื่อนำไปซื้อการ์ด
ตามระยะทางของสถานนีที่จะเราจะลง
จากเครื่องหยอดเหรียญอัตโนมัติ
จริงๆ ก็ไม่ค่อยชินการการเดินทางแบบนี้สักเท่าไหร่ 
เพราะแถวบ้านนอกไม่ค่อยมีหรอกครับแบบนี้
+ + +
การ์ดใบนี้สำคัญ จะเป็นใบเบิกทางผ่านประตูเพื่อไปขึ้นรถไฟฟ้า 
ถ้าผมมาเองนี้ต้องงงเป็นไก่ตาแตกไปสักพักนึง
กับกระบวนการที่จะให้ได้มาซึ่งบัตรขึ้น BTS
ในขณะที่มีผู้คนขวักไขว่ล้นหลาม
เสียเหลือเกิน
ดีนะ!
มีน้องสาวใจดีสองคนนำ
ไอ้เราก็สบายล่ะครับไม่ต้องคิดมากตามน้องเค้าไป
ตามล่าโปเกม่อนกันไป 
มันเป็น trend ใหม่ของช่วงนี้ เลยต้องขอลองกันหน่อย
แค่หอมปากหอมคอครับ
เดี๋ยวจะคุยกับเค้าไม่รู้เรื่อง
อีกสักพักคงสร่างสากันไปเหมือนหลายๆ เกมส์ที่เคยเล่นกัน
เร็วประดุจความคิด
แป๊บๆ ก็ถึง จริงๆก็ไม่ได้เร็วขนาดนั้น
แต่ก็ยังจัดว่าเร็วกว่าการมาด้วย Taxi หรือรถเมล์ล่ะ
ผู้คนก็จัดว่าขวักไหว่ ค่อนข้างไปทางเยอะ
ประกอบกับแสงแดดอันร้อนแรง ไปถึงกันนี่ก็น่าจะประมาณเกือบบ่าย 2 โมง
สิ่งนึงที่ผมสอดส่ายสายตามองหาก็คือ
มันมีไม้มะ
คำตอบของการมาจตุจักร
วันอาทิตย์
ของผมก็คือ
"มี"
แต่ไม่เยอะ
ส่วนใหญ่จะออกไปทางพวกไม้หนามกับ Tilllandsia
หาได้เจอพวก Dyckia ไม่
ทำเอาคนเล่นหนามอย่างผมผิดหวังไปเล็กน้อยถึงปานกลางเลยนะ
แต่ก็พอๆรู้มาบ้างว่าเค้าขายไม้กันวันพุธกับพฤหัส
ไ่ม่รู้จะจริงเปล่า ไอ้เราก็นานปีจะได้มีโอกาสมา






ร้านละเล็กร้านละน้อย ก็พอมีไม้ให้ผมได้ชื่นใจไปได้บ้าง



กับไม้หนามพวกนี้ก็พอมีบ้าง
แต่ผมนี่ไม่ถนัดเลย
ตัวนี้เห็นแล้วก็ชอบนะ ใหญ่ด้วย แต่ไม่ได้ถามราคาไว้
ยังนึกไม่ออกว่าถ้าซื้อจะหอบหิ้วมาได้ยังไง
กระบองเพชรหัวโตๆ นี่จริงๆ ก็จัดว่าชอบนะครับ
แต่ด้วยความที่เห็นหนามน่ากลัวเกิน
นึกถึงสภาพไม่ออกเลยว่าเกิดลูกที่บ้านมาหกคะมำใส่
จะเป็นยังไงเลยไม่กล้าหามาเลี้ยงไว้
จริงๆ
เคยมีประสบการณ์กับตัวเองเลยล่ะครับ
โดนหนามกระบองเพชรพวกที่เป็นขนละเอียด
ตำมือเจ็บทรมานไปนานเลยกว่าจะเอาหนามออกครบทุกเส้น
น้องสาวที่มาด้วยมีถาม
เจ้าพวกโตๆนี่เค้าเลี้ยงนานมะ ถามใครไม่ถามมาถามคนไม่เคยเลี้ยง
555
ตอบไปซิครับ 5-10 ปี
ร้านไม้พวกนี้ไม่ได้อยู่ติดๆ กันนะครับ จะเจอร้านแทรกอยู่เป็นช่วงๆ
ส่วนใหญ่จะเป็นพวกเสื้อผ้าและร้านกิ๊ปชอบต่างๆ
เป็นส่วนมาก
โ่ต๊ะนี้ผมสนใจเจ้าพวกหัวใหญ่ที่ตั้งอยู่นี่
มันใหญ่มาก
จริงๆ ก็จะหามาเก็บหลายทีละ แต่ก็ยังไม่จัดว่าอยากได้ถึงที่สุด
xero ช่อสวยๆ กำลังออกดอก


มีดินสูตรผสมขายด้วย
นึกว่าเป็นดินปลูก Dyckia ส่วนใหญ่ผมผสมปลูกเองครับ
ประหยัดตังค์ดีเพราะต้องใช้เยอะด้วย

มาเจอร้านขายกระถางแบบนี้เข้า
เพิ่งเคยได้มาเห็นของจริงวันนี้
อยากรู้ราคามานานละ
ราคาเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน 2-3 ร้อยบาท
จัดว่าแพงเอาเรื่อง
แต่ก็ดูดีมีเหน่ห์เก๋ไก๋ดี  สำหรับใช้ปลูกไม้ราคานี่ก็ไม่แพงนะ
เพราะไม้บางตัวราคาแพงกว่ากระถางนี่หลายเท่า
แต่ผมยังนึกไม่ออกว่าถ้าผมเลือกมาปลูกกับ 
Dyckia ตัวไหนถึงจะเหมาะกับกระถางแบบนี้
ดังนั้นพักไว้ก่อน ใช้พวกกระถางพลาสติก
กับกระถางดินต่อไป 
555
ดูเค้าเอามาปลูกกับพวกไม้ดัดมันก็สวยใช้ได้
ส่งให้ไม้ดูมีเสนห์ขึ้นอีกเยอะเลย

ต้นนี้รูปทรงสวยมาก 
อยากได้
อย่างกระถางใบนี้พอมาปลูกรวมกับต้นนี้
เก๋ขึ้นเลย


กระถางเล็กอีกแบบก็มี

วัสดุปลูกที่ขายควบคู่ไปกับกระถางพวกนี้
มีให้เลือกอยู่หลายแบบ
ผ่านร้านขายเครื่องหนังสะดุดตากับเครื่องรางกระตุ้นยอดขายของร้าน
ร้านขายหนังสือมือสอง
ซึ่งปัจจุบันผมห่างหายกับการอ่านหนังสือแบบเล่มมา
ค่อนข้างนานมาก ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้ก็คงจะแวะละ


น้องๆนักเรียน
มาร้องเพลงหมู่หาค่าอาหารกลางวัน
แน่ะ! 
น้องผมใจดีร่่วมสมทบทุนด้วย
ชาวต่างชาติก็ค่อนข้างเยอะครับ
ลูกชิ้นปลาใหญ่มาก แต่ก็ไม่ได้ซื้อชิม
เพราะต้องเร่งเดินหลบแดดอยู่อันร้อนแรงอยู่ตลอดเวลา
ถ้าไม่มีอะไรที่สนใจดูจริงๆ
ก็จะเลี่ยงโดย
การเดินเร็วๆรัวๆ
ร้านนี่น่าสนใจครับ
อยากได้กรงเล็กๆ 
ไปห้อยประดับไว้แถวในโรงเรือน

บางร้านเห็นมีห้ามถ่ายรูปด้วยนะ
พอดีน้องผมเค้าเตือนมา คงกลัวมีคนเอาไปก๊อป
เห็นโมบายอันนี้แล้ว ชวนให้นึกถึงหนังเรื่อง
Dream Catcher
เลยต้องขอจับดูหน่อย
น่าลิ้มลอง แต่ก็ได้แต่ดู
ถึงจะเป็นของปลอมแต่ก็สีสรรสวยสดสะดุดตา
ตลอดทางผมเปิด GPS ดูเป็นระยะเลยนะ
น้องมันยังแซวเลยว่าแค่นี้ก็ต้องเปิด
เรื่องของเรื่อง
คือ
2 สาวเค้าให้ผมนำไง
บอกว่าพี่อยากดูอะไรก็ตามสบาย
น่ารักอ่ะ!! เข้าทางเลย
ไอ้ผมก็ไม่ได้มานานละไม่อยากหลุดทุกเส้นทาง
แต่พอจำๆ เค้าลางได้ว่าสามารถเดินวนเป็นวงรอบกลับมาได้
แค่รอบเดียวก็เหนื่อยเพลียกันเต็มที 
กลับครับ
ขามาเรามาด้วยความเร็วลัดเลาะมาบนรางเสาปูน
ขากลับ
ขอลองดำดินกลับดูครับ!
ถึงจะไม่ใช่ขอมแต่อยู่เมืองกรุงเราทำได้

ค่าโดนสารรถไฟใต้ดิน
ดูจะถูกกว่ารถไฟฟ้า
ขากลับแลกเหรียญเพื่อซื้อเหรียญพลาสติก
เพื่อผ่าน Gate ไปขึ้นรถไฟใต้ดิน
จัดว่าเป็นความต่าง
ของรถบนฟ้ากับรถใต้ดิน
กับบรรยากาศในรถผ่านอุโมงค์มืดๆ
แทนการแล่นผ่านตึกรามบ้านช่องอันสว่างจ้าของ BTS
ก่อนกลับระหว่างรอรถพี่เมื่อยมากขาแทบหลุด
ขอใช้ความแก่เป็นข้ออ้างเสียสละตัวเอง
นั่งเก้าอี้ว่างที่มีเพียงที่เดียว
ปิดกระทู้วันนี้ขอยก Credit ให้กับน้องสาวที่น่ารัก
ทั้ง 2 คนที่สละเวลาไปผจญภัยด้วยกัน
กับเรื่องเล็กๆ บางเรื่องก็ควรแก่
การถูกบันทึกไว้
ให้จดจำ

Memory on August 22nd 2016

สวัสดีครับ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น